Categories
News

ช่องทางการทำ Digital Marketing มีอะไรบ้าง?

ช่องทางการทำ Digital Marketing มีอะไรบ้าง? มาถึงส่วนที่หลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้ ว่าแล้วถ้าหากเราอยากทำ Digital Marketing จะสามารถใช้ช่องทางไหนในการทำได้บ้าง ซึ่งความจริงแล้วการตลาดดิจิทัลนั้นมีหลากหลายรูปแบบมาก แต่บทความนี้ได้เลือกช่องทางที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมาไว้ให้แล้ว บอกเลยว่าทุกคนสามารถเอาไปทำตามได้ทันที ไม่มีผิดหวังกับผลลัพธ์แน่นอน

Paid Search
Paid Searching คือ การทำการตลาดดิจิทัลบนช่องทางการค้นหา หรือที่มักรู้จักกันในชื่อ PPC (Pay-per-click) กล่าวง่าย ๆ ได้ว่าคือการที่เราจ่ายเงินซื้อพื้นที่ให้เว็บไซต์ของเราขึ้นไปอยู่บนอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของ Google นั่นเอง ส่งผลให้เมื่อผู้ใช้งานค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา ก็จะเจอเว็บไซต์เราเป็นอันดับแรก ๆ เพราะทาง Search Engine จะคัดเลือกเว็บไซต์ที่มีคำว่า Ad ขึ้นมาก่อน โดยจะเรียกเก็บเงินตามจำนวนที่มีคนคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์

PPC คืออะไร

SEO

เรียกได้ว่าเป็นแนวทางที่ฮิตที่สุดในหมู่คนทำการตลาดออนไลน์เลยทีเดียว เพราะ SEO หรือ Search Engine Optimization คือวิธีที่จะช่วยดันเว็บไซต์และบทความของเราให้ขึ้นไปสู่หน้าแรกของ Search Engine หลังจากที่ผู้ใช้งานค้นหาสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้คีย์เวิร์ดหรือการค้นหาด้วยเสียง (Voice Search) ที่ตรงกับเนื้อหาบนเว็บไซต์หรือบทความของเรา และการ Optimize ก็คือการปรับปรุงเว็บไซต์ เว็บเพจ หรือคอนเทนต์ของเราให้มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อ่าน และง่ายต่อการค้นหาของ Search Engine โดยยิ่งเราทำ SEO ได้ดีเท่าไร เว็บไซต์ก็ยิ่งมีโอกาสติดอันดับที่สูงขึ้น อันจะนำมาซึ่งจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) ที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ การทำ SEO แตกต่างจาก PPC ตรงที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3-6 เดือน และต้องหมั่นติดตามอัปเดตของ Google Algorithm อยู่เสมอเพื่อปรับแก้คอนเทนต์ให้สอดคล้องกับเกณฑ์ที่ Google ใช้พิจารณา และที่สำคัญเว็บไซต์ของเราจะไม่มีคำว่า Ad ติดอยู่เหมือนกับ PPC ด้วย

Content Marketing
Content Marketing ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการทำ Digital Marketing เลยก็ว่าได้ เพราะคอนเทนต์คือ “สาร” (Message) ที่ธุรกิจหรือแบรนด์จะใช้บอกและปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นบล็อก โพสต์ในโซเชียลมีเดีย อีเมล ตลอดจนสื่อประเภทอื่น ๆ เช่น วิดีโอ รูปภาพ อินโฟกราฟิก (Infographic) เป็นต้น

ทั้งนี้ การทำคอนเทนต์ที่ดี ควรจะต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจน กล่าวคือ ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราทำคอนเทนต์นี้ไปเพื่ออะไร โดยอาจเป็นการให้ความรู้ ให้แรงบันดาลใจ ให้ความบันเทิง หรือโน้มน้าวลูกค้า เป็นต้น ซึ่งถ้าหากคอนเทนต์ของเราตรงกับจุดประสงค์ในการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย เว็บไซต์ของเราก็จะยิ่งถูกคนคลิกเข้ามามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การทำ Content Marketing ยังเป็นหัวใจหลักของการสื่อสารผ่าน Digital Marketing ในวิธีต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย (Social Media Marketing) การทำ Email Marketing หรือแม้แต่แคมเปญโปรโมตแบรนด์ก็ตาม และที่สำคัญ สิ่งที่เราต้องรู้เป็นอย่างแรกก็คือกลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร อยู่ในกลุ่ม Marketing Funnel ไหน โดยเราสามารถใช้หลักการ TOFU-MOFU-BOFU เพื่อการเขียนคอนเทนต์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้

Social Media Marketing
หากพูดถึง Digital Marketing แล้วนั้น สิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือการใช้โซเชียลมีเดียเข้ามาเป็นตัวช่วยในการทำการตลาด เพราะสมัยนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็ต้องมีบัญชีโซเชียลฯ เป็นของตัวเองทั้งนั้น ส่งผลให้แพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจำนวนมากและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Instagram หรือ TikTok ก็ล้วนแล้วแต่เป็นช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการของแบรนด์ได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยหากเรารู้ว่าแพลตฟอร์มไหนที่มีกลุ่มเป้าหมายของเราอยู่เยอะที่สุด เราก็จะสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกบนแพลตฟอร์มนั้น ๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจของตนเองได้

Email Marketing
วิธีการสุดคลาสสิกที่มีมานานแต่ประสิทธิภาพยังคงเดิม ได้แก่ Email Marketing การทำการตลาดผ่านการส่งอีเมลหาลูกค้า วิธีนี้เป็นการทำการตลาดแบบ Owned Channel ที่เราครอบครองข้อมูลและรายชื่อผู้ติดต่อ (Contact) ของลูกค้าเอาไว้เอง อีกทั้งยังสามารถทำแบบอัตโนมัติได้อีกด้วย

อาจจะฟังดูเป็นวิธีที่เก่าไปสักนิด แต่ความจริงแล้วช่องทางนี้หลาย ๆ ธุรกิจก็ยังใช้กันอยู่ โดยเฉพาะธุรกิจที่มีการติดต่อสื่อสารแบบ B2B (Business to Business) เนื่องจากอีเมลคือช่องทางสากลในการสื่อสารข้อมูลที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาส่วนลด หรือโปรโมตสินค้าใหม่ ตลอดจนขยายฐานกลุ่มเป้าหมายให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ ของแบรนด์ เช่น แชร์บล็อก แชร์บทความด้วยการแนบลิงก์ไว้ในอีเมล แต่ข้อควรระวังคือ ควรส่งเฉพาะข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าเท่านั้น หากส่งถี่เกินไปและเป็นข้อความที่ไม่มีแก่นสาร ก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ติดลบ เพราะอาจสร้างความรำคาญแก่ผู้รับนั่นเอง

SMS Marketing
อีกช่องทางหนึ่งที่ผู้ประกอบการนิยมใช้กันคือการทำ SMS Marketing เพราะสามารถทำได้บนโทรศัพท์มือถือ อันเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมี อีกทั้งจำนวนผู้ใช้ยังเพิ่มขึ้นทุกวันอีกด้วย

SMS Marketing นั้นทำได้โดยการส่ง SMS หรือยิงโฆษณาในแอปพลิเคชันของแบรนด์ โดยอาจมีการทำลิงก์แนบไปยังแพลตฟอร์มอื่น ๆ ของแบรนด์ได้ เพื่อให้ลูกค้าเจอคอนเทนต์อื่น ๆ ของเรา และเพื่อเป็นการเพิ่ม Traffic

สิ่งที่คนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Digital Marketing
ด้วยความที่เวลาเราทำการตลาดแบบเดิม อาจจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร โฆษณาในโทรทัศน์ ฯลฯ เราจะสามารถจับต้องได้ และเห็นว่าเงินที่เสียไปจะได้อะไรกลับมา เช่น เสียเงินสั่งพิมพ์ใบปลิว ก็จะได้ใบปลิวกลับมาเพื่อแจก แต่ในโลกของการตลาดดิจิทัลนั้นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะบางอย่างเราอาจไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าถึงได้ ณ เวลานั้นเสียทีเดียว เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการวัดผล เรื่องนี้เองจึงทำให้ใครหลายต่อหลายคนมักเข้าใจผิดว่าการทำ Digital Marketing คือการทำแบบไม่ต้องลงทุนเยอะ ไม่มีเงินก็ทำได้ ซึ่งก็คงบอกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นความคิดที่ผิด ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกเช่นกัน เพราะปัจจุบัน แม้แต่แพลตฟอร์มที่เปิดให้เราใช้ฟรี ๆ อย่าง Google หรือ Facebook เวลาที่เราต้องการจะทำโฆษณาโปรโมตต่าง ๆ ก็ต้องใช้เงินในการซื้อระยะเวลาและพื้นที่สำหรับโฆษณาด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งหากเราต้องการทำการตลาดแบบจริงจัง การลงทุนก็แทบไม่ต่างอะไรจากการตลาดแบบออฟไลน์เลยก็ว่าได้